เสื้อกันฝนผลิตขึ้นโดยใช้เนื้อผ้าหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไนลอน โพลีเอสเตอร์ และวัสดุกันน้ำชนิดพิเศษ เช่น Gore-Tex สิ่งทอเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกด้วยความใส่ใจในเรื่องความสามารถในการทนต่อความชื้น คงความแข็งแรง และระบายอากาศได้ การตัดผ้าตามแพทเทิร์น การเย็บชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน และการปิดผนึกตะเข็บหรือการติดเทปเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติกันน้ำ ล้วนเป็นขั้นตอนในกระบวนการผลิต
ฤดูฝนเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้อย่างมาก ทำให้การทำให้ร่างกายของเราแห้งขณะเดินทางเป็นเรื่องที่ท้าทาย เสื้อกันฝนเป็นทางเลือกในการป้องกันฝนและให้ความสบายตัว เสื้อกันฝนมีให้เลือกหลายประเภทและหลายวัสดุ โดยสามารถกันน้ำได้พร้อมทั้งปล่อยให้ผิวหนังได้หายใจ การออกแบบที่นุ่มนวล ยืดหยุ่น และทำความสะอาดง่ายช่วยปกป้องคุณจากสภาพอากาศอันเลวร้าย เสื้อกันฝนได้รับการออกแบบมาให้รับมือกับสภาพอากาศและให้การปกป้องจากลม ความหนาวเย็น ฝุ่น และสิ่งสกปรก

ในปี ค.ศ. 1824 Charles Mackintosh นักเคมีชาวสก็อตได้ประดิษฐ์เสื้อกันฝนตัวแรกโดยใช้ผ้าชนิดใหม่ที่เรียกว่าผ้ายางอินเดีย ซึ่งมีคุณสมบัติกันน้ำได้ ซึ่งผ่านมานานมากแล้วปัจจุบันเสื้อกันฝนที่เราคุ้นเคยนั้นถือว่าทันสมัยและได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี

วัตถุประสงค์หลักของเสื้อกันฝนในช่วงฤดูฝนคือเพื่อให้ผู้สวมใส่แห้งโดยให้การปกป้องจากน้ำฝน เสื้อกันฝนได้รับการออกแบบให้กันน้ำหรือทนน้ำ ป้องกันไม่ให้ฝนซึมเข้าไปในเนื้อผ้าและเข้าถึงผิวหนัง สิ่งนี้สำคัญเนื่องจากการเปียกฝนอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น อุณหภูมิต่ำ โดยเฉพาะที่อุณหภูมิต่ำ ทำให้รู้สึกไม่สบาย เสื้อกันฝนมีข้อได้เปรียบเหนืออุปกรณ์กันฝนอื่นๆ เช่น ร่ม เนื่องจากสามารถคลุมทั้งตัวได้ รวมทั้งศีรษะ ช่วยให้ป้องกันฝนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ เสื้อกันฝนยังใช้งานได้ดีกว่าร่มในสภาพที่มีลมแรง เนื่องจากร่มมีแนวโน้มที่จะปลิวหรือกลับด้านออก

เสื้อกันฝนมักทำจากวัสดุสังเคราะห์ เช่น ไนลอน โพลีเอสเตอร์ และ Gore-Tex เนื่องจากเสื้อกันฝนทำงานได้ดีในสภาพเปียกมากกว่าวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายหรือขนสัตว์ ต่างจากผ้าใยสังเคราะห์ที่มีน้ำหนักเบา กันน้ำหรือทนน้ำ และแห้งเร็ว

วัสดุสังเคราะห์สามารถขับไล่น้ำได้ ทำให้เหมาะสำหรับการผลิตเสื้อกันฝน ต่างจากเส้นใยสังเคราะห์ต่างจากเส้นใยธรรมชาติตรงที่ไม่ชอบน้ำและไม่ดูดซับน้ำ แต่ให้หยดน้ำขึ้นบนพื้นผิวแล้วกลิ้งออกไป เพื่อทำให้ผู้สวมใส่แห้ง นอกจากนี้ วัสดุสังเคราะห์โดยทั่วไปยังมีความทนทานต่อการสึกหรอมากกว่าวัสดุธรรมชาติ นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเสื้อกันฝน เนื่องจากต้องทนทานต่อสภาพอากาศโดยไม่ขาดหรือเสียรูปร่างเมื่อเวลาผ่านไป

อีกทั้งเสื้อกันฝนสังเคราะห์ยังระบายอากาศได้ดี ช่วยให้เหงื่อและความชื้นระบายออกไป ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน ซึ่งจะช่วยลดความรู้สึกไม่สบายและป้องกันความรู้สึกชื้นแก่ผู้สวมใส่

โพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างเป็นผ้ากันน้ำได้ เป็นโพลีเมอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการผลิตเสื้อกันฝน พีวีซีเป็นวัสดุยอดนิยมสำหรับเสื้อกันฝนเนื่องจากมีความเหนียว ราคาไม่แพง และมีคุณสมบัติกันน้ำได้ อาจจะไม่ระบายอากาศได้เหมือนผ้าอื่นๆ โพลียูรีเทน (PU) เป็นโพลีเมอร์อีกชนิดหนึ่งที่ใช้ในเสื้อกันฝน สารโพลีเมอร์ PU สามารถใช้สร้างผ้ากันน้ำได้ แต่มีราคาแพงกว่า PVC มาก เสื้อกันฝน PU ระบายอากาศได้ดีและมีความยืดหยุ่น ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเดินป่าและการตั้งแคมป์ โพลีเมอร์ที่รู้จักกันดีอีกชนิดหนึ่งที่พบในเสื้อกันฝนประสิทธิภาพสูงคือ Gore-Tex เป็นผ้ากันน้ำและระบายอากาศได้ดี โดยมีแผงกั้นที่ช่วยให้เหงื่อระเหยไปพร้อมทั้งป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกมา Gore-Tex มักใช้กับเสื้อผ้ากลางแจ้ง เช่น เสื้อกันฝน เสื้อแจ็คเก็ต และรองเท้าบูท เนื่องจากมีความแข็งแรง ความสบาย และปรับตัวได้

เสื้อกันฝนที่ผลิตจากพลาสติกสังเคราะห์ เช่น พีวีซี (โพลีไวนิลคลอไรด์) เรียกว่าเสื้อกันฝนพลาสติก เสื้อกันฝนเหล่านี้มักจะมีราคาไม่แพงและป้องกันสภาพอากาศได้เพียงพอ เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การตั้งแคมป์ การเดินป่า และงานเทศกาล เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและง่ายต่อการจัดกระเป๋า เสื้อกันฝนพลาสติกมีหลายเฉดสีและดีไซน์ ตั้งแต่เสื้อปอนโชแบบใช้แล้วทิ้งไปจนถึงเสื้อกันฝนที่ทนทานและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม เสื้อกันฝนอาจไม่ให้ความสบายหรือการปกป้องในสภาพอากาศเลวร้ายเท่าๆ กับเสื้อกันฝนประเภทอื่นๆ และไม่สามารถซึมผ่านได้

หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีฝนตกบ่อยหรือชอบทำงานกลางแจ้งเมื่อมีฝนตก คุณต้องมีเสื้อกันฝน โดยทั่วไปแล้วจะทำจากผ้าสังเคราะห์ กันน้ำ หรือทนน้ำ เช่น โพลีเอสเตอร์ โพลียูรีเทน กอร์เท็กซ์ พีวีซี และไนลอน เสื้อกันฝนมีหลายสไตล์ เช่น เสื้อปอนโช เทรนช์โค้ตธรรมดา และเสื้อกันฝนแบบพับเก็บได้ ด้วยเหตุนี้ การเลือกเสื้อกันฝนจึงขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนบุคคลและแง่มุมต่างๆ เช่น ราคา การใช้งาน และสไตล์

ผ้ากันน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเผชิญสภาพอากาศที่รุนแรง ผ้าเหล่านี้ป้องกันฝน หิมะ และลม ทำให้เราแห้งสบาย อย่างไรก็ตาม แม้แต่ผ้ากันน้ำที่ดีที่สุดก็ยังต้องทำความสะอาดเพื่อรักษาประสิทธิภาพไว้ วันนี้เราจะพูดถึงวิธีการทำความสะอาดและดูแลรักษาเพื่อให้คงสภาพการ

ผ้ากันน้ำมีหลายประเภทในท้องตลาด แต่มี 3 ประเภทที่โดดเด่น Gore-Tex  https://bit.ly/3yBov0s , Nylon https://rb.gy/kbvdkj และโพลีเอสเตอร์ Gore-Tex  https://rb.gy/xomztd เป็นผ้าประสิทธิภาพสูงที่ใช้เมมเบรนที่มีรูพรุนขนาดเล็กเพื่อขับไล่น้ำและปล่อยให้เหงื่อระบายออกไป ไนลอนและโพลีเอสเตอร์มีน้ำหนักเบา ทนทาน และกันน้ำ ทำให้เหมาะสำหรับอุปกรณ์กลางแจ้ง ผ้าแต่ละชนิดมีคำแนะนำการดูแลที่แตกต่างกัน และจำเป็นต้องปฏิบัติตามเพื่อรักษาประสิทธิภาพในการกันน้ำไว้

ผ้ากันน้ำสามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใดได้บ้าง
สำหรับผ้ากันน้ำมีประโยชน์มากมายเลยค่ะ ไม่เพียงแต่ใช้ผลิตภัณฑ์เป็นเสื้อผ้า แต่ยังสามารถใช้ผลิตเป็นกระเป๋า เต๊นท์ เก้าอี้ ตุ๊กตาลม ร่มกันแดด ร่มกันฝน หรือแม้แต่ผ้าคลุมรถ คลุมอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน เอนกประสงค์สุดๆ ค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกประเภท ความหนา ความบางของผ้าด้วยนะคะ ว่าจุดประสงค์จริงๆ แล้วของแต่ละท่านต้องการนำไปผลิตอะไร

การรีดผ้าอาจทำให้ชั้นเมมเบรนกันน้ำของผ้าเสียหายและอาจทำลายชั้นป้องกันของผ้าได้ หลีกเลี่ยงการรีดผ้าประเภทนี้ และหากจำเป็น แนะนำให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ใช้การตั้งค่าความร้อนต่ำสุดบนเตารีดของคุณ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อสารเคลือบกันน้ำของผ้า

การจัดเก็บอย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาประสิทธิภาพของผ้ากันน้ำ หากต้องการจัดเก็บผ้านี้ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้:

 เรานำเสนอคอลเลกชันผ้าที่ทนทานและกันน้ำได้สูง พร้อมการใช้งานที่หลากหลาย ยิ่งไปกว่านั้นมีหลากหลายชนิด หลากหลายสีให้เลือกเหมาะสมกับความต้องการในท้องตลาดที่คุณกำลังมองหาอยู่ และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับการออกแบบของคุณได้อย่างเต็มที่อีกด้วย!

คุณสามารถแวะชมสินค้าของเราในเว็ปไซต์ และสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ เรายินดีให้บริการค่ะ หรือจะนัดดูเนื้อผ้าที่หน้าร้านก็ได้ค่ะ เรามีผ้ากันน้ำเคลือบPU https://bit.ly/3yt4hpx ผ้ากันน้ำเคลือบขาว ผ้ากันน้ำเคลือบใส และผ้ากันน้ำเคลือบซิลเวอร์ที่สามารถป้องกันน้ำได้สูงถึง 2,000 M.M